User:Romanorthcamp
จักรวรรดิโรมัน | |
---|---|
ภาษาละติน | Romani Imperii |
ภาษาอังกฤษ | Roman Empir |
ชื่อเมือง | กรุงโรมใหม่ |
ภาษาประจำ | ภาษาละติน, ภาษาอังกฤษ |
ระบบการปกครอง | ระบบสาธารณรัฐ |
ที่ตั้ง | เกาะอดัมทาว์น ในมหาสมุทรแปชิฟิกตอนใต้ |
โดยกรุงโรมใหม่ถือก่อตั้งมานานกว่าร้อยปีก่อนแล้ว ผู้ก่อตั้งคนแรกมีนามว่า เพอชีอัส แม็กคัส โดยกรุงโรมใหม่นี้ถูกนำทางมายังทวีปอเมริกาสมัยโบราณ โดยเทพีไดอาน่าและเทพมาร์ส เพื่อมาช่วยปลดปล่อยเทพีจูโน่ที่นี่ โดยคุณมาร่วมกับเราได้ มันเป็นคล้ายๆ กับเกมแต่ไม่ใช่เพราะสนุกกว่าเกม แถมเราไม่ต้องมานั่งกดปุ่มนู่ปุ่มนี้ และเป็นสังคมจำลองแสดง บทบาทสมมติว่าตัวเราเป็นชาวโรมคนหนึ่งในปัจจุบัน มีการฝึกฝนเพื่อเป็นวีรบุรุษหรือนักสู้ อาจจะเป็นนักคิด ปรัชญา นักวิชาการ คุณอาจเป็นผู้คิดค้นปรัชญาใหม่ในยุคปัจจุบันก็เป็นได้ สามารถสัมผัสได้เหมือนเป็นเราจริงๆ พูดอาจดูไม่สนุกคุณต้องมา ลองสัมผัสดูจงมาเปิดตาสู่โลกแห่งความเป็นจริง โลกที่คุณอยู่ทุกวัน เมื่อคุณมาเปิดประตูสู่โลกความเป็นจริงคุณจะพบว่าโลกนี้ไม่ใช่สวยหรูเลยแม้แต่น้อย มันเต็ไมปด้วยอสูรกายที่โดนมนต์บังตา และเหตุการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นคุณจะพบที่มาที่ไปของทุกเหตุการณ์ โดยจุดภูมิศาสตร์ของกรุงโรมใหม่แห่งนี้ย้ายถิ่นฐานมาตั้งบนเกาะอดัมทาว์น มหาสมุทรแปชิฟิกตอนใต้ ดังนั้นถ้าคุณเริ่มเกิดความสนใจแล้วก็ลองมาอ่านกฎคร่าวๆ ของเมืองได้ คลิกเพื่อเปิดอ่านกฎซึ่งเป็นกฎต่างๆ รวมทั้งกฎมนเทียรบาลอีกด้วย ดังนั้นถ้าคุณเริ่มเกิดความสนใจแล้วก็ลองมาอ่านกฎคร่าวๆ ของเมืองได้ คลิกเพื่อเปิดอ่านกฎ ซึ่งเป็นกฎต่างๆ รวมทั้งกฎมนเทียรบาลอีกด้วย
หากสนใจที่จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรา[edit]มาติดต่อเราได้ที่เพจ https://www.facebook.com/pages/Camp-Roman/185855361556270
ประวัติของโรมัน[edit]โรมันโบราณ ยุคชนเผ่า[edit]เมื่อเราจะพูดถึงโรมันโบราณ ซึ่งเป็นยุคแรกเริ่ม ซึ่งจริงๆ แล้วชาวโรมมิใช่เชื้อสายกรีกแม้แต่อย่างใด แต่เป็นการวิวัฒนาการจากชุมชนเกษตรกรบนคาบสมุทรอิตาลี ซึ่งชนเผ่าโรมันเริ่มก่อตั้งขึ้นในช่วง ศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสต์ศักราช ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลเมลิเตอร์เรเนียน ในช่วงระยะแรกหรือช่วงเป็นชนเผ่านั้นยังไม่เจริญ และมีความยิ่งใหญ่มากที่ควร ต่อมาจากชนเผ่าเล็กๆ ได้กลายมาเป็นเมืองซึ่งอยู่ในช่วง 753 ปีก่อนคริสต์ศักราช ถึง 509 ปีก่อนคริสต์ศักราช หรือเรียกกันว่าราชอาณาจักรโรมัน ซึ่งถูกก่อตั้งเป็นเมืองหลวงโดยในช่วง 750 ก่อน ค.ศ. มีผู้อพยพมาตั้ง ถิ่นฐานแถบภูเขาพาเลนไตน์ใกล้แม่น้ำไทเบอร์กันเยอะขึ้่น โดยพวกที่อพยศมานั้นเรียกตัวเองว่าชาวอีทรัสกัน พวกอีทรัสกันมีถิ่นเดิมอยู่ในเอเชียไมเนอร์ และเมื่ออพยพเข้ามาในแหลมอิตาลีก็ได้นำเอาความเชื่อในศาสน าของกรีก ศิลปะการแกะสลัก การทำเครื่องปั้นดินเผา อักษรกรีก การหล่อทองแดงและบรอนซ์การปกครองแบบนครรัฐ การวางผังเมือง การสร้างอารุธ และอื่นๆ เข้ามาเผยแพร่ในคาบสมุทรอิตาลี
ราชอาณาจักรโรมัน ระบบการปกครองแบบราชาธิปไตย[edit]ต่อมาในช่วง 793 ปีก่อน ค.ศ. ได้มีชาวกรีกกลุ่มแรกหรือก็คือผู้ที่เปลี่ยนชื่อและก่อตั้งกรุงโรม จากการเป็นแค่นครรัฐเล็กๆ โดยโรมูลัส และรีมัส โดยทั้งสองร่วมมือกันสังหารกษัตริย์ที่ปกครองโรมในตอนนั้น คือกษัตริย์ชาวอีทรัสกัน โดยจะเล่าถึงโรมูลุส และเรมุสสองทายาทแห่งมาร์ส เดี๋ยวผมจะไปหาหนังสือมาวางไว้ โดยครั้งแรกที่โรมูลุส และเรมุสเข้ามาปกครองโรมได้เปลี่ยนระบบราชอาณาจักรของโรมเดิมเป็นแค่ผู้นำเมืองเท่านั้น แต่เพราะทั้งสองตกลงเรื่องการสร้างเมืองหลวงของอาณาจักรไม่ได้หรือก็คือโรมในปัจจุบันนั่นเอง โรมูลัส จึงวางแผนลอบสังหารรีมัส ด้วยมือตนเองและตั้งตัวเป็นจักรพรรดิแห่งโรม ตั้งชื่อเมืองหลวงตามชื่อตน กรุงโรม และสร้างวิหารแรกคือวิหารมาร์ส เทพแห่งสงคราม ซึ่งต่อมาหลังจากที่โรมูลัสปกครองโรม คลิกที่นี่ถ้าอยากไปอ่านประวัติของโรมูลัสและรีมัส ในช่วง 509 ปีก่อน ค.ศ. ได้มีการปฏิวัติเกิดขึ้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ อันเนื่องมาจากจักรพรรดิที่ปกครองโรมในช่วงนั้น อำนาจได้กลับสู่พวกอีทรัสกันอีกครั้ง หลังจากที่โรมูลัสสิ้นพระชนม์ โรมก็อ่อนแอลง ทำให้ชาวอีทรัสกันกลับมาเรืองอำนาจอีก แต่เหตุการณ์อีทรัสกันเรืองอำนาจอีกก็เป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้นเพราะกษัตริย์อีทรัสกันแม้จะปกครองโรมที่โรมูลุสก่อตั้ง ก็มีขุนนางจากหลายเผ่า หนึ่งในนั้นคือเผ่าละตินซึ่งในช่วงที่กษัตริย์อีทรัสกันอ่อนแอลง ชาวเผ่าละตินก่อการรัฐประหารโดยอ้างเหตุว่าเทพจูปิเตอร์ต้องการให้อำนาจตกสู่มือชาวละติน โดยผู้นำรัฐประหารคือ เจสัน อะธีเรีย ผู้นำฝ่ายปฏิวัตินำโดย เจสัน อะธีเรีย หัวหน้าชนเผ่าหนึ่งในแถบแหลมอิตาลี เนื่องมาจากในแถบนั้นมีชนเผ่าที่มาตั้งถิ่นฐานเยอะมากซึ่ง ชนเผ่านี้คือพวกละติน อาศัยอยู่บริเวณที่ราบละติอุม ทางตอนใต้ของแม่น้ำไทเบอร์ พวกนี้มีอาชีพปลูกข้าวและเลี้ยงสัตว์ โดยเจสัน อะธีเรีย ซึ่งเป็นทายาทแห่งจูปิเตอร์ โดยจูปิเตอร์ได้คัดสรรนักรบที่จะปกครองโรมเพื่อชืงโรมกลับจากพวกอีทรัสกัน โดยเจอหญิงสาวที่ยังบริสุทธิ์เลยไปสมสู่ทำให้เกิดมนุษย์ครึ่งเทพคนที่สามของโรมขึ้นมา โดยที่จูปิเตอร์ยอมละเมิดกฎนี้เพระาต้องการก่อตั้งอาณาจักรโรมที่ยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้า และพวกอีทรัสกันยังบูชาเทพแซทเทิร์น ซึ่งเป็นพ่อของตนและได้ทราบมาว่าพวกเขาคิดจะทำพิธีอัญเชิญแซทเทิร์นให้คืนชีพจากทาร์ทารัส เป็นสาเหตุที่ต้องสร้างมนุษย์กึ่งเทพเพื่อหยุดยั้งการผงาดของแซทเทิร์น จูปิเตอร์มีลูกไม่มากหรอก นับได้เลยว่ากี่คนเดี๋ยวจะมาบอกทีหลังเพระาท่านมหาเทพจะสร้างบุตรตนเฉพาะเวลาที่เข้าตาจนเท่านั้น โดยจูโน่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ที่ทำแบบนี้เพราะองค์มหาเทพปฏิบัติตามกฎที่ตนเองเป็นคนตั้งไว้ โดยเจสันนำเผ่าละตินชิงโรมกลับมา นับแต่นั้นพวกเราเลยสืบเชื้อสายมาจากละติน หลังจากโค่นล้มพวกอีทรัสกัน ชิงกรุงโรมกลับมาได้สำเร็จ เจสัน อะธีเรีย บุตรจูปิเตอร์ที่กำเนิดจากหญิงชาวละตืน หลังจากยึดกรุงโรม ได้สั่งชาวโรมสร้างวิหารเทพขึ้นมาวิหารแรกที่ใหญ่โตอลังการ เพื่อเป็นเกียรติแต่เทพโอลิมปัสสามท่าน คือมหาเทพจูปิเตอร์นับถือเป็นเทพผู้พิทักษ์ของรัฐโรมัน ครองอำนาจเหนือกฎหมายและความเป็นระเบียบของสังคมโรม ซึ่งถือว่าเป็นเทพสูงสุดแห่งโอลิมปัส ส่วนจูโน่คือเทพีผู้พิทักษ์กรุงโรม ซึ่งองค์เทพีมักจะนำสาส์นที่อันตรายต่อโรมแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และสุดท้ายมิเนอร์วา เทพีพรหมจารีแห่งสงคราม กวีนิพนธ์ แพทยศาสตร์ สติปัญญา การค้าขาย การทอผ้า งานหัตถกรรม และเป็นผู้ค้นคิดดนตรี ทั้งสามเทพถูกนับถือภายในวิหารเรียกว่า วิหารจูโนคาพิโตลินา ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น วิหารจูปิเตอร์ออฟติมัส แม็สชิมัส โดยได้คืนอำนาจแต่ประชาชน โดยมอบให้กับทหารคนสนิทสองคนในการดูแลโรม และกำซับให้กรุงโรมใช้ระบบสาธารณรัฐปกครอง โดยอำนาจทุกอย่างขึ้นกับสภา ให้เลือกตัวแทนสภาจากประชาชนโรมมาใช้สิทธิ์ในการหารือ จากนั้นตนก็จากไปซึ่งไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าเจสัน อะธีเรียหายไปไหน บางตำนานเล่าว่าเทพจูปิเตอร์มารับเจสัน อะธีเรียไปเป็นเทพบนโอลิมปัส บางตำนานเล่าว่าเจสัน อะธีเรียเป็นหัวหน้าสภาสูง และมีบุตรสืบทายาทในโรมอย่างสุขสบาย และบางตำนานก็มีคนบอกว่าเจสันออกไปร่อนเร่พเนจรทั่วโลก
สาธารณรัฐ ระบบการปกครองแบบคณาธิปไตย[edit]ทหารคนสนิทของเจสันก็ได้ทำตามที่นายของตนสั่งไว้ โดยเปลี่ยนปฏิรูปโรมใหม่ทั้งหมดจากระบบราชาธิปไตยมาเป็นระบบสาธารณรัฐ และมีการแบ่งชนชั้น คือ แพทริเซียนเป็นชนชั้นสูงของโรมัน และเพลเบียนหรือก็คือชนชั้นต่ำ เป็นชาวโรมธรรมดาทั่วไป ที่ไม่มีแม้สิทธิ์ในการออกเสียงในสภา โดยผิดจุดประสงค์ของเจสัน อะธีเรีย ที่เคยตั้งใจจะทำให้ประชาชนโรมอมีมีสิทธิ์ในอำนาจทุกคน โดยทหารสองนายนั้นแต่งตั้งตัวเองเป็นกงลุส ซึ่งได้บัญญัติรัฐธรรมนูญฉบับแรกของโรมัน โดยแบ่งเขตอำนาจมีสองฝ่ายคือ กงลุสจะจำกัดแค่ 2 คนและสภาซีเนทหรือสภาสูงแค่ 300 คนโดยรับเฉพาะชนชั้นแพทริเซียนเท่านั้น และผ่านการพิจารณาจากกงลุสอีกทีนึง ในช่วงสมัยแรกๆ นั้นการแต่งงานระหว่างแพทริเซียมและเพลเบียนได้มีกฎหมายห้ามแต่งงานหรือสมรสกันเด็ดขาด และเมื่อกงลุสชุดแรกก่อนจะหมดวาระจะต้องได้รับการคัดเลือก จากชนชั้นแพทริเซียน จนเมื่อประมาณ 449 ปีก่อน ค.ศ. ได้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น ซึ่งพวกเพลเบียนได้ก่อจราจล โดยเป็นสงครามระหว่างชนชั้นเพลเบียนและชนชั้นแพทริเซียน จนพวกเพลเบียนได้มีสิทธิออกกฎหมายร่วมกับพวกแพทริเซียน เป็นการออกประมวลกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษรฉบับแรกของโรมัน หรือก็คือรัฐธรรมนูญครั้งที่สอง แต่อันเนื่องมาจากรัฐธรรมนูญครั้งแรกพวกเพลเบียนไม่ได้ลงความเห็นด้วยจึงล้มเลิกไปและนับรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นฉบับแรกแทน เรียกว่า กฎหมายสิบสองโต๊ะ เพื่อใช้บังคับให้ชาวโรมันทุกคนปฎิบัติอยู่ในกรอบเดียวกันของกฎหมายและสังคม กฎหมายสิบสองโต๊ะดังกล่าวนับเป็นมรดกชิ้นสำคัญของโรมที่ถือกันว่าเป็นแม่บทของกฎหมายโลกตะวันตก
สาธารณรัฐ ระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย[edit]โดยพวกเพลเบียนได้คัดเลือกตัวแทนของพวกตนไปออกเสียงในสภา เป็นตัวแทนประชาชนโดยหลังจากนี้แหละที่ทำให้โรมเข้มแข็งขึ้น โดยยุบระบบแบ่งชนชั้นให้ชาวโรมมีสิทธิ์เสรีภาพเท่าเทียมกัน โดยสิ่งต้องห้ามอาทิการแต่งงานระหว่างชนชั้น หรืออื่นๆ ที่เป็นการดูถูกพวกเพลเบียนได้ถูกยุบไป ซึ่งมันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสู่ระบบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์แบบในปี 287 ก่อน ค.ศ. ซึ่งหลังจากเจ้าสู่การปกครองประชาธิปไตย พลเมืองโรมจะมีสิทธิ์เลือกตั้งได้ทุกปีและได้จะรับคำแนะนำจากวุฒิสภา รัฐธรรมนูญที่ซับซ้อนค่อย ๆ ได้รับการพัฒนา โดยมีศูนย์กลางอยู่บนหลักการแบ่งแยกอำนาจและการตรวจสอบและ ถ่วงดุล ยกเว้นในสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงของประเทศ ตำแหน่งราชการถูกจำกัดไว้ที่หนึ่งปี เพื่อที่ในทางทฤษฎีจะไม่มีปัจเจกบุคคลใดสามารถครอบงำพลเมืองได้ โดยผู้ที่มีอำนาจเทียบเท่ากงลุสเรียกว่าผู้นำของสาธารณรัฐ หรือปัจจุบันก็ประมาณนายกรัฐมนตรี โดยผู้นำของสาธาณรัฐจะมีวาระแค่ 1 ปี จะทำการเลือกตั้งใหม่ โดยผู้นำโรมันจะต้องตั้งทีมอย่างน้อยไม่เกิน 200 คนเพื่อเข้าไปทำหน้าที่ในสภาซีเนท และที่เหลืออีก 100 คนจะได้รับคัดเลือกจากชาวโรมทั้งเมืองของทุกชนชั้นและทุกบ้านในกรุงโรม โดยผ่านการพิจารณาจากกงลุสเหมือนเดิม กงลุสจะมีวาระ 2 ปี โดยผู้ที่จะลงสมัครกงลุสจะต้องได้รับเลือกจากชาวโรมทุกบ้านทุกหลัง เป็นที่ยอมรับและในวันเลือกตั้งกงลุสเทพจูปิเตอร์จะลงมาพิจารณาทุกครั้ง เพื่อตรวจสอบว่าคู่ควรกับอำนาจสูงสุดของโรมหรือไม่ ในการแผ่อำนาจของโรมนับแต่เริ่มเข้าสู่ประชาธิปไตยทำให้โรมันเข้มแข็งขึ้นและเป็นที่เกรงขามของบรรดาประเทศใกล้เคียง มีประเทศมากมาย มาขอเป็นพันธมิตรด้วยกับโรมัน โดยส่งบรรณาการให้ทุกเดือน เพื่อเป็นการแลกเงื่อนไขที่โรมจะไม่โจมตีประเทศนั้น แต่ประเทศไหนไม่ยอมก็จะโจมตีจนตกเป็นเมืองขึ้นของโรม โดยส่งชาวโรมไปดูแล คล้ายๆ นายอำเภอ โดยโรมเริ่มต้นจากอิตาลีตอนกลางจนสามารถยึดครองแถบคาบสมุทรอิตาลีได้ทั้งหมด เมื่อถึงศตวรรษต่อมา รวมถึงแอฟริกาเหนือ คาบสมุทรไอบีเรีย กรีซ และพื้นที่ซึ่งปัจจุบันเป็นฝรั่งเศสตอนใต้ อีกสองศตวรรษจากนั้น ใกล้ปลายศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล รวมถึงฝรั่งเศสปัจจุบันที่เหลือ และพื้นที่อีกมากในทางตะวันออก ถึงขณะนี้ แม้จะมีข้อจำกัดตามประเพณีและกฎหมายของสาธารณรัฐต่อการได้ มาซึ่งอำนาจทางการเมืองอย่างถาวรของบุคคล การเมืองโรมันถูกครอบงำโดยผู้นำโรมันไม่กี่คนที่บ้าอำนาจโดยระหว่างพวกผู้นำที่ต้องการยึดครองโรมจะถูกคั่นด้วยสงครามกลางเมืองเป็นระยะ ซึ่งฝ่ายปฏิวัติคือประชาชนโรมทั้งเมืองที่ไม่เห็นด้วย |