User:Osziim
เพลงใต้ดิน หนทางปลดปล่อยที่แท้จริงของนักดนตรีBold text'Italic text
หากลองนั่งย้อนไปเมื่อประมาณ 10-20 ปีที่แล้ว วงการเพลงไทยมีกระแสเลือดทางดนตรีใหม่ที่เข้ามา
เปลี่ยนค่านิยมการฟังเพลงของกลุ่มวัยรุ่นสมัยนั้นมากทีเดียวโดยกลุ่มศิลปินเหล่านั้นต่างถูกเรียกว่าศิลปิน indy ซึ่งสาเหตุที่ถูกเรียกว่าศิลปิน indy เพราะพวกเค้าเหล่านั้นไม่ได้สังกัดค่ายเพลงใหญ่ๆ ซึ่งสามารถสร้าง ผลงานด้วยตัวเองอย่างเต็มที่ โดยมีเพียงคำว่าแรง และ พลังในการพลักดันผลงาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยู่ใน พื้นฐานที่คนทั่วไปรับได้ และไม่ผิดกฎระเบียบข้อบังคับของกระทรวงวัฒนธรรมในการเขียนบทเพลงขึ้นมา บทเพลงหลายๆ บทเพลงของศิลปิน indy ไม่ได้บรรยายสรรพคุณของความรัก แต่บรรยายถึงเรื่องราวของ สังคมในมุมมองต่างๆ การบอกปรัชญาและการเปรียบเปรยกับสิ่งใกล้ตัว โดยแนวดนตรีที่ใช้เล่นก็ไม่ได้ตาย ตัวอะไร ส่วนมากก็จะเป็นพวก Grunge หรือไม่ก็ Alternative Rock รวมไปถึง Disco, Reggae, Ska เป็น ต้น ซึ่งหากมองย้อนกลับไปลึกๆ กลุ่มศิลปิน indy หลายๆ วงเกิดมาจากวงการเพลงใต้ดินมาก่อนที่จะได้เซ็น สัญญากับค่ายเพลงเล็กๆ ซึ่งอาจจะเป็นค่ายของตัวเอง
ปัจจุบันค่ายเพลงเล็กๆ ที่ถูกเรียกว่าค่ายเพลง indy เกือบหายไปจากตลาดเพลงหมดแล้ว เพราะค่ายส่วน ใหญ่ไม่สามารถสร้างรายได้จากการขายแผ่นเสียงได้ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากฤทธิ์เดชของ VamPire นั้นเอง (แผ่น mp3ละเมิดลิขสิทธิ์นั้นแหละครับ) จนตอนนี้ค่ายเพลงเล็กๆ ต้องสร้างงานที่สามารถก้าวเข้าสู่ตลาด ใหญ่เพื่อการอยู่รอด แต่ยังมีอยู่อีกกลุ่มหนึ่งที่ยังคงทำงานตามใจไม่เปลี่ยนแปลงนั้นคือคนทำเพลงใต้ดิน จุดที่ถือเป็นต้นกำเนิดของเหล่าศิลปิน indy นั้นเอง ชื่อที่ใช้เรียกคนกลุ่มนี้อาจจะดูหลบๆ ซ่อนๆ และดูผิด กฎหมาย แต่จริงๆ แล้ว เพลงใต้ดินของศิลปินหลายๆ วงไม่ได้รุนแรงหยาบคายไปซะทั้งหมด บางวงออกจะ มาในแนวใสๆ ซะด้วยซ้ำไป แต่ต้องถูกเหมารวมว่าเป็นเพลงใต้ดิน เพราะพวกเค้าเหล่านั้นไม่ต้องการอยู่ค่าย ใดๆ ทั้งสิ้น ต้องการทำเองขายเอง ซึ่งคนฟังอาจจะเป็นคนกลุ่มน้อย และบทเพลงของพวกเค้าไม่ค่อยมี โอกาสได้ถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณะชนสักเท่าไร แต่ทุกบทเพลงที่พวกเค้าเหล่านั้นสร้างขึ้นมามันเกิดจาก ความรักในบทเพลง รักในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะทำ
ถ้ามองถึงเรื่องคุณภาพของการทำเพลงกับค่ายเล็กๆ แม้มันอาจจะไม่ดีเท่าการสังกัดกับค่ายใหญ่ แต่มันคือ สิ่งที่เค้าเหล่านั้นต้องการจะสื่อให้คนในสังคมโลกเห็นถึงมุมมองที่เค้าต้องการนำเสนอด้วยบทเพลงที่พวกเค้า เหล่านั้นแต่งขึ้นเองและถ่ายทอดออกมาอย่างได้ตรงๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่แปลกเพราะแผ่นเสียงจากศิลปินใต้ ดินนี้ ผู้ฟังทุกคนไม่นิยมซื้อแผ่นปลอมหรือพวก MP3 ส่วนหนึ่งอาจเพราะเล็งเห็นว่าบทเพลงเหล่านี้น่าเก็บ กว่าวงที่อยู่ค่ายระดับ Major ก็เป็นได้ (หรืออาจจะไม่ดังจนพวกทำ MP3 ไม่ copy มาจำหน่าย ) แต่ถึง อย่างไร ณ. ตอนนี้ภาพลักษณ์ของบทเพลงใต้ดินที่คนทั่วไปรู้จัก คือบทเพลงที่เต็มไปด้วยความรุนแรงของ เนื้อหาสาระของบทเพลงและดนตรี ด้วยการใช้ คำที่ค่อนข้างถ่อย,หยาบคาย, คำสบถ ที่เราใช้กันจริงๆ ใน ชีวิตประจำวัน มาเป็นส่วนสำคัญในการเล่าเรื่องราวต่างๆ ผ่านบทเพลง โดยมีแนวดนตรีหลักเป็น rock กับ ภาคดนตรีแบบ metal เป็น black ground ซึ่งในภาคดนตรี metal นั้นยังได้แตกแขนงไปอีกหลายทางไม่ว่า จะเป็น Metal Core, Death Metal, Screamo, รวมไปถึงแนว Emo Core เป็นต้น
คนที่เสพเพลงใต้ดินกลุ่มนี้จะเหนียวแน่นและถือเป็นกลุ่มก้อนที่ใหญ่ที่สุดในวงการเพลงใต้ดินเลยก็ว่าได้ สัง- เกตุได้จากคอนเสิร์ตใต้ดินที่มักจะจัดขึ้นเป็นประจำๆ แฟนเพลงกลุ่มนี้ จะมารวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ ภาพลักษณ์จะดูดิบเถื่อนมีการกิน ดื่ม อย่างเต็มที่ก่อนการเข้าชมคอนเสิร์ต แต่ลึกๆ แล้วพวกเค้าเป็นผู้เสพ ดนตรีที่ดี ใครที่เคยสัมผัสกับคอนเสิร์ตใต้ดินมาบ้างคงรู้ ถึงความสนุกที่แลกมากับการเจ็บตัว ไม่ว่าจะเป็นการ Mosh Pit ( หรือจะเรียกแบบฝรั่งว่า Hard Core Dance ) ที่มีการกระทบกระทั่งกันอย่างรุนแรง การเล่น Circle Pit (การถอยออกมาตั้งวงแล้ววิ่งวนเป็นวงกลมก่อนวิ่งเข้าชนกัน) รวมไปถึงการเล่น Drive (บ้านเรา เรียก Body Surf ) ซึ่งหลายๆ ครั้งเราจะเห็นคนล้มจากการโดนกระแทก แล้วมีเพื่อนๆ ช่วยกันดึงแขนขึ้นมา ซึ่งกลายเป็นอารยธรรมที่ดี งานคอนเสิร์ตใต้ดินที่ดูว่ามีความรุนแรง ดิบ เถื่อน ยังไม่เคยมีการตีกันกลาง คอนเสิร์ตจนต้องหยุดการแสดงเลยซักครั้ง ไม่เหมือนกับงานของศิลปินดังๆ ที่มักจะเกิดเหตุการณ์เขม่นกัน จนเป็นเรื่องเป็นราว
ตอนนี้ดูเหมือนวงการเพลงใต้ดินจะเป็นกระแสทางเลือกที่ผู้คนให้ความสนใจมากยิ่งๆ ขึ้นในทุกๆ วัน ส่วนหนึ่ง อาจเป็นเพราะวงใต้ดินหลายๆ วงเริ่มขึ้นมาสู่หนทางของการตลาด ซึ่งการขึ้นมามีการปรับเปลี่ยนคำร้อง และ การให้ถ้อยคำที่สุภาพเพื่อที่สามารถเผยแพร่สู่สาธารณชนได้ ซึ่งวงที่ขึ้นมาปลุกกระแสเพลงใต้ดินให้คึกครื้น และเป็นที่รู้จักในวงกว้างคงหนีไม่พ้น Ebola และ Retrospect หนทางของคนทำเพลงใต้ดินดูจะสดใสมาก ยิ่งขึ้นเมื่อผู้ฟังส่วนร่วมต่างยอมรับกับภาคดนตรีที่หนักหน่วงและคำร้องที่มีการสำรอกเสียง อย่างกว้างขว้าง จนค่ายใหญ่ระดับ Major ยอมรับและเริ่มดึงคนดนตรีใต้ดินให้ขึ้นมาอยู่บนดินหลายต่อหลายวง แต่ก็ยังมี ศิลปินใต้ดินอีกไม่น้อยที่ยังคงสานต่อความศรัทธาของตัวเองกับการไม่ขึ้นไปบนค่ายใหญ่ และสร้างชื่อเสียง ในวงการเพลงใต้ดินต่อไป เพราะศิลปินเหล่านั้นมองว่าการขึ้นไปบนพื้นโลกอาจทำให้พวกเค้าไม่สามารถ สร้างงานศิลป์ชั้นยอด ที่เต็มไปด้วยความจริงใจ และความบ้าบิ่นได้เหมือนตอนอยู่ใต้ดินนั่นเอง