Jump to content

User:Jakkapon99

From Wikipedia, the free encyclopedia
  • ย่าเชื้อ แซ่ห่าน เป็นลูกคนโต ย่าเป็นผู้หญิงเก่งคนหนึ่งจัดการทุกอย่างได้หมด ไม่เว้นแม้กระทั่งเมื่อวัดมีงานมีการอะไร ย่าจะเป็นผู้ช่วยจัดการได้ พ่อบัณฑิตเล่าว่าเมื่อวัดมีการละเล่นอะไร เช่นชักกะเย่อ ย่าจะเป็นหัวหน้าจัดการทั้งนั้น คงจะเป็นเหตุนี้ ลูกๆเลยกลัวย่าเชื้อกันทุกคน แม้แต่พ่อบัณฑิต ทั้งที่พ่อบัณฑิตก็มีพี่เลี้ยง ย่าไม่ค่อยได้เลี้ยงเองเท่าไร
  • แม่ของ หมอปัญญา สอนคม เป็นลูกคนที่ ๒ มีลูก ๒ คน ชายคนแรกคือหมอปัญญา แล้วเลิกกัน เพราะพ่อหมอปัญญาเจ้าชู้มีเมียเยอะ ย่าเชื้อเลยไปแนะนำผู้ชายไหหลำ ที่มาเป็นลูกจ้างโรงเลื่อยอยู่ข้างบ้านมีนิสัยดีมากๆ ให้มาแต่งงานกัน มีลูกคนที่๒ คืออาแดง เมื่อแม่หมอปัญญาคลอดอาแดงก็เลยตาย เท่ากับอาแดงไม่เคยเห็นหน้าแม่เลย ฝ่ายพ่อเลี้ยงหมอปัญญาซึ่งก็คือพ่ออาแดงเป็นคนที่มีนิสัยดีมากๆ ก็ทนเลี้ยงอาแดงไม่ไหวเพราะต้องทำงานเป็นลูกจ้างโรงเลื่อย ย่าเชื้อต้องคอยเหล่มองบางครั้งก็คงจะต้องช่วยเหลือบ้าง จึงไปหาเมียใหม่ให้ชื่อเหนียน (คนที่ชื่อเหนียน ชอบเอาหัวปลีมาให้ แม่ฤดี)คุณเหนียนเป็นคนจีนไหหลำด้วยกัน นิสัยดีมากๆ อดทนเก่ง(โดนเมียหมอปัญญาพูดจาดูถูกบ่อยๆ)ภายหลังเมื่อหมอปัญญามาเป็นหมออยู่ที่จันทบุรี อาแดงก็เลยมาอยู่ที่จันทบุรีด้วย ทำงานที่คลินิกร้านหมอปัญญา อยู่ได้หลายปี เมื่อหมอปัญญาเริ่มมีเงิน ก็ซื้อสวนผลไม้แถวกระทิงจึงเรียกพ่อเลี้ยงแกมาดูแลสวน (พ่ออาแดงมีลูกกับเหนียน ๕ คน ผู้ชายล้วน คนโตจบวิศวะลาดกระบัง ทำงานแถวบางนา คนที่๒และคนที่๓ ทำงานรพ.พระปกเกล้า จันทบุรี ฝ่ายเอกซ์เรย์ คนที่๔ และคนที่ ๕ ไม่รู้ พวกนี้เป็นพวกไม่เอาญาติ ขนาดทำงานอยู่ที่จันทบุรีไม่เคยไปมาหาสู่พ่อบัณฑิตเลย เว้นแต่เวลาเราไปรพ.แล้วได้เจอกันก็คุยกันแป๊บๆก็เท่านั้น) เมื่ออาแดงไปอยู่สวน พ่อบัณฑิตก็เลยมาอยู่ที่คลินิคแทน
  • คนที่ ๓ คุณประสิทธิ เป็นผอ.ที่จังหวัดแพร่,ชัยนาท ก่อนเกษียณเป็นผอ.ที่จังหวัดสมุทรปราการ (มีลูกชาย ๒ คน ตายไป ๑ คน ลูกสาว ๔ คน)
  • คนที่ ๔ คุณประสาท เป็นสจ.อยู่จังหวัดอุตรดิตถ์ มีลูกผู้หญิง ๓ คน ไม่มีลูกชาย
  • คนที่ ๕ คุณบุญเรือง เป็นครูอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ มีลูกชาย ๑ คน (นอนที่บ้าน กินข้าววัด เนื่องจากมีพี่บุญธรรม เป็นเจ้าอาวาสที่วัด)
  • คนที่ ๖ คุณประสาน เป็นผู้จัดการบริษัทเสรีไทย (ของพ่อหมอปัญญา)เป็นหัวหน้ากรรมกร ๓ ล้อที่ จ.พิษณุโลก มีลูก ชาย ๑ คน เคยแสดงเป็น ลุกสาวเครือฟ้า
  • คนที่ ๗ คุณประสงค์ เป็นครูที่รร. บ้านท่าสักมีอุดมคติสูง สอนพิเศษไม่เอาเงิน ดังมากๆๆๆๆ
  • คนที่ ๘ ตายตั้งแต่เด็ก อาปาเกิดไม่ทัน
  • อาผอ (ฉิน เสียด ถอ แซ่ตั้ง) เป็นลูกสาวคนเดียว มีพี่ชายอยู่ ๑ คน อาผอถูกยกให้หมายมั่นเป็นแฟนอากุ๊ง (ก๋งใหญ่สู แซ่จัง)ตั้งแต่ ๒-๓ เดือน อาผอก็เลยต้องไปอยู่ที่บ้านอากุ๊งตั้งแต่เด็ก ๒-๓ เดือนเลย อากุ๊งย้ายจากเมืองจีนไปอยู่เมืองไทยตั้งแต่อายุ ๑๗ ปี ไปหัดทำทองที่กรุงเทพฯ อาผอตามมาหลังจากนั้น ไปอยู่ที่กรุงเทพฯครั้งแรก และก็ย้ายๆ จากสมุทรสงคราม(ไท่คิ้วเกิดที่นั่น), สมุทรสาคร และต่อไปที่นครปฐม (แม่ฤดีเกิดที่นี่) แล้วค่อยๆย้ายตามพรรคพวกที่จันทบุรี อยู่ที่จันทบุรีก็ย้ายหลายต่อหลายครั้ง (อยู่ที่ถนนศรีจันทร์, ติดบ้านครูลัดดา, ที่บ้านเจ๊ราตรีขายราดหน้าอยู่เดี๋ยวนี้, บ้านตรงข้ามเรา (ไมตรีพาณิชย์), ข้างบ้านหมอประกิต , แล้วก็ย้ายไปอยู่ที่อำเภอมะขาม ไปอยู่รวมกับอาสุ้ก (น้องชายของอากุ๊ง) ซึ่งเป็นคนที่นิสัยโหด ใจร้าย ชอบทรมานและทำลายน้ำใจอาผอมากๆ ชอบตีน้าณฐฐยา ตอนที่น้าณฐฐยาร้องไห้จะตามอาผอบ่อยๆ ตีจนฉี่ราด และบังคับให้ครอบครัวอาผอ ช่วยแกทำงานหามรุ่งหามค่ำ โดยเฉพาะแม่ฤดี(ถ้าเอ่ยเรื่องมะขามเมื่อไร แม่ฤดีต้องเล่าแล้วเล่าอีกถึงอดีตอันเจ็บปวดทุกที) ต่อมาอาสุกพาแม่ม่ายเข้าบ้าน ใช้ให้ครอบครัวอาผอเป็นคนรับใช้หุงข้าวซักผ้าให้เขาทุกอย่าง อากุ๊งรักน้องมาก ไม่ยอมรับรู้เรื่องเลยมัวแต่ไปอยู่อำเภอโป่งน้ำร้อน ทำงานนานๆกลับมาที ครั้งสุดท้ายอาผอทนไม่ไหวขอร้องให้อากุ๊งย้ายบ้าน ให้พากลับไปอยู่ที่จันทบุรี ครั้งแรกอยู่ข้างบ้านอาคิ้ว (ที่ขายผ้า อาคิ้วคนนี้ความจริงไม่ได้เป็นญาติกับเรา แต่แกมีแม่ที่ตาบอดไม่สนิท คงพอจะเห็นลางๆ อยู่กับลูกสะใภ้ที่คอยจะกลั่นแกล้งแก บ้านเราอยู่ใกล้กัน อาผอสงสารแกก็จะคอยดูแลเอาใจใส่แก แกรักอาผอมาก ก็เลยทำพิธีประกาศให้ชาวบ้านรู้โดยทั่วกันว่า อาผอเป็นลูกสาวแก มีการไหว้กลางแจ้งด้วย เหมือนในหนังจีนเลย) อยู่ที่นั่นหลายปีนะ ภายหลังอาสุกที่ชื่อติ้ดเหงียว (ขายกาแฟจังดีดี เตี่ยเหียเก้ว แซ่เดียวกับเราก็เท่ากับเสมือนญาติกัน) เขาขายกาแฟ อยู่ที่แถวๆบ้าน เจ๊จุก (เป็นคนติดต่อให้พวกเราได้ย้ายบ้านมาอยู่ที่ดีกว่าและกว้างกว่าเดิม ก็คือที่อยู่ในปัจจุบันนี้ พอดีเจ้าของบ้านเขาจะย้ายไปอยู่ทีหาดใหญ่ ) ส่วนข้างบ้านมีอาชีพ รับจ้างทำสังกะสี มีนิสัยดีมาก อยู่กัน ๒ คน พ่อ กับ ลูกสาวรักพวกเรามาก น้าณฐฐยาจำได้ว่า เวลากลางคืนเขาจะพาไปดูหนังฝรั่งที่โรงหนังเฉลิมจันทร์บ่อยๆ ต่อมาเขาก็ย้ายไปอยู่กรุงเทพ ทำให้ขาดการติดต่อ เสียดายมากๆ ต่อมาหมอปัญญาก็มาเช่าต่อ อยู่หลายปี ช่วงนี้พ่อบัณฑิตกับแม่ฤดีถึงได้รู็จักกัน กระทั่งแต่งงานกัน หมอปัญญาย้ายไปกรุงเทพ แล้วก็มีหมอรัชนี มาเช่าต่อหลายปี หลายปีต่อมา เจ้าของบ้านเก่าเขาคิดจะขายบ้านที่เราเช่าอยู่ แม่ฤดีบอกให้อากุ๊งซื้อ แต่อากู๊งไม่ยอมซื้อ หาเหตุมาอ้างร้อยแปดพันเก้า ว่าบ้านเก่าบ้าง สาเหตุใหญ่อาจจะอยากเอาเงินไปลงทุนทำโรงสีข้าวที่โป่งน้ำร้อน ฯลฯ อ้างไม่มีเงินซื้อ แม่ฤดีเห็นการณ์ไกลว่า ถ้าเราไม่ซื้อเราก็ต้องออกไปหาที่อยู่อีก (ลำบากมาก แต่อากุ๊งไม่เคยคิด)แม่ฤดีก็เลยคิดๆๆๆ ในที่สุดอาติ๊ดเหงียวสุกก็ช่วยไปหาลูกแชร์ มาให้แม่ฤดีเป็นคนตั้งแชร์ แม่ฤดีก็เลยได้เป็นเจ้าของบ้านโดยชอบธรรม แต่ไม่บอกให้น้องๆรู้ ให้เข้าใจว่าอากุ๊งเป็นคนซื้อ ต่อมาหมอมาลินี ก็มาเช่าบ้านต่อ อามาเพิ่งได้ค่าเช่าเป็นรายแรกเลย เมื่อหมอมาลินีย้ายไป อามาก็เลยดัดแปลงบ้านเป็น ๒ ชั้น พี่พันธ์ศักด์บ่นให้แม่ฤดีฟังว่า อยากจะนอนมุ้งลวด (ไม่อยากนอนมุ้งกาง ก็สมใจคราวนี้แหละ)
  • อาผอ มีน้องชาย ๑ คน (ไม่เคยเจอกับอาผอเลยตลอดชีวิต) มีลูก ๔ คน คนโตผู้ชาย,ลูกสาว, ลูกชาย, ลูกสาว สลับกัน อยู่ที่เมืองจีน พอดีเกิดพรรคคอมมิวนิสต์เลยจะโดนจับ เขาก็เลยต้องหนีแยกกับเมีย ต่างคนต่างเอาลูกไปคนละ ๒คน อาคิ้วเอาลูกชายคนโต และลูกคนที่ ๓ไป ส่วนคิ้วแม๊ก็เอาลูกไป ๒คน แล้วได้หนีรอดไปอยู่ที่ปีนัง ต่อมาแม่ฤดีได้ไปเที่ยวปีนัง และติดตามหาคิ้วแม๊ จนกระทั่งไปเจอห่านวิ่งไล่กัด แม่ฤดีหนีเข้าไปอยู่ในบ้านอาคิ้วแม๊ พอดี ช่างบังเอิญแท้ๆๆ เรื่องนี้น่าจะแฮปปี้เอนดิ้งนะ แต่ที่ไหนได้ เราก็ขาดการติดต่อกับอาคิ้งแม๊ได้ยังไงนะเนี่ยะ
  • อาสุกกุ๊ง ที่มะขาม (น้องชายของอากุ๊ง) ก่อนที่จะมาอยู่ที่เมืองไทย ตอนอยู่ที่เมืองจีนนั้น ต้องหนีพวกคอมมิวนิสต์หัวซุกหัวซุน อากุ๊งต้องเสียเงินมากมายส่งไปให้จึงหนีรอดกลับมาที่เมืองไทย ไม่ได้พาเมียและลูก ๒ คนมาด้วย เมื่อหนีมาถึงเมืองไทย ก็ไปอยู่ที่อำเภอมะขาม จันทบุรี อากู๊งรักน้องชายมากกว่าลูก ส่งแม่ฤดีไปเป็นคนรับใช้ หุงข้าว ซักผ้า ลำบากมาก แกเปิดร้านตัดเสื้อผ้า แม่ฤดีต้องมีหน้าที่สอยกางเกง ติดกระดุม วันไหนไม่เย็บผ้าก็ต้องทำท้อฟฟี่ เพื่อเอาไปขายที่โรงเรียน มีเพื่อนๆมากระโดดโลดเต้นที่หน้าบ้าน แม่ฤดีอยากจะออกไปเล่นก็ไม่ได้ อาสุกกุ๊งบังคับทุกอย่าง
  • อาไท่คิ้ว (ลูกคนโตของอากุ๊งกับอาผอ คือพี่ชายของแม่ฤดี) จบ ป.๔ ที่เมืองไทย อากุ๊งส่งให้ไปเรียนหนังสือที่เมืองจีน ถ้าแม่ฤดีเป็นผู้ชาย ก็คงต้องไปเหมือนกัน อากุ๊งจะเอาน้าสุโรจน์ไปก็ยังเล็กเกิน (รอดตัวไป) อากุ๊งไว้ใจน้องชายมาก เอาเงินให้น้องชายส่งไปให้อาไท่คิ้วเรียนหนังสือ แต่อาไท่คิ้วไม่เคยได้รับเงินเลย ไม่มีเงินเรียน ต้องไปรับจ้างเลี้ยงควายจนเกือบโต อาสุกกุ๊งเอาเงินของอากุ๊งส่งไปให้ลูกแก (มีลูก ๒ คน ชาย ๑ หญิง ๑) เรียนจนจบ ผู้หญิงเป็นหมอ เคยมาเที่ยวที่บ้านเราที่จันทบุรี ใครๆเขาว่าหน้าคล้ายๆน้าณฐฐยา มีสามีเป็นวิศวกรอยู่ที่อเมริกา (หมอเพิ่งตาย เมื่อ ๓ - ๔ ปีนี้) ส่วนลูกชายแกอีกคน เป็นช่างซ่อมจักรยาน ต่อมาอาไท่คิ้วเขียนจดหมายไปหาอากุ๊ง เราถึงได้รู้ความจริง อากุ๊งก็เลยตั้งต้นส่งเงินไปให้อาไท่คิ้วใหม่จนเรียนจบธรณีวิทยา เป็นงานที่คงจะลำบาก เพราะต้องไปขึ้นเขาไปสำรวจดิน หิน แร่